น้ำมันถูกลงเพราะอะไร?

วันนี้ไปอ่านเรื่องเศรษฐกิจ สงสัยว่าทำไมนะ น้ำมันถึงลดลง? เกิดจากการบริหารของรัฐบาลหรือเปล่า หรือเกิดจากอะไรกันแน่ ก็ได้ข้อมูลมา จึงเอามาลงไว้ในบล็อกเผื่อใครแวะมาอ่าน อาจจะได้ประโยชน์กลับไปบ้าง

กลุ่มประเทศส่งออกน้ำมัน (Organization of Petroleum Exporting Countries : OPEC) ก่อตั้งเมื่อเดือนมกราคม  พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) มีสมาชิกแรกเริ่มก่อตั้ง 5 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศซาอุดีอาระเบีย อิรัก อิหร่าน คูเวต และเวเนซุเอลา ปัจจุบัน โอเปกมีสมาชิกเพิ่มอีก 7 ประเทศ คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ ไนจีเรีย แอลจีเรีย ลิเบีย อินโดนีเซีย (ต่อมาถอนตัวในปี ค.ศ. 1994) กาบอง (ต่อมาถอนตัวในปี ค.ศ. 2008) เอกวาดอร์ (เคยเป็นสมาชิกในปี ค.ศ. 1973 แล้วถอนตัวไป แล้วกลับมาในปี ค.ศ. 2007) และล่าสุดคือประเทศแองโกลา รวมเป็น 12 ประเทศ โดยได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ตั้งแต่ พ.ศ.2508 (ค.ศ. 1965)

สรุปสำนักงานใหญ่ของโอเปกอยู่ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีสมาชิกทั้งหมด  12 ประเทศ  คือ

        1. ประเทศซาอุดีอาระเบีย

             2. ประเทศอิรัก

             3.  ประเทศอิหร่าน

             4.  ประเทศคูเวต

             5.  ประเทศเวเนซุเอลา

             6.  ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

             7. ประเทศกาตาร์

             8.  ประเทศไนจีเรีย

             9.  ประเทศแอลจีเรีย

           10. ประเทศลิเบีย

           11. ประเทศเอกวาดอร์

           12. ประเทศแองโกลา

ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกอย่าง ซาอุดีอาระเบีย, อิหร่าน และเวเนซุเอลา ใช้กำลังการผลิตน้ำมันดิบเอาไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน กลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบคิดเป็น 40% ของกำลังผลิตทั่วโลก

สาเหตุที่ทำให้น้ำมันดิบลดลงทั่วโลก (24 มีนาคม 2559) คือ

กำลังผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐอเมริกา (น่าจะเป็นอันดับ 1) และประเทศอื่นๆ มีมากขึ้น ทำให้น้ำมันล้นตลาดโลก และประเทศโอเปกก็ผลิตน้ำมันเท่าเดิม (ถ้าลดกำลังผลิต น้ำมันก็จะไม่ถูก แต่ใครจะยอมเสียผลประโยชน์ล่ะ)

การปฏิวัติการขุดเจาะน้ำมันจากชั้นหินดินดาน ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การขุดเจาะตามแนวนอน ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงไฮโดรคาร์บอนที่อยู่ใต้พื้นผิวโลกได้ ส่งผลให้สหรัฐฯ ผลิตน้ำมันดิบต่อวันได้มากกว่าช่วงกลางศตวรรษที่ 20 เกือบเท่าตัว